ฟุตบอล นัดกระชับมิตรทีมชาติ
วันอังคารที่ 27 มีนาคม 2561
อังกฤษ 1-1 อิตาลี
England 1-1 Italy
สนาม : เวมบลี่ย์ สเตเดี้ยม, (ลอนดอน, อังกฤษ)
“สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเพิ่งบุกไปเชือด ฮอลแลนด์ 1-0 เมื่อวันศุกร์ที่ 23 มีนาคม นั้น ลงลับแข้งอีกครั้งเปิดบ้านบู๊กับ “อัซซูร์รี่” ทีมชาติอิตาลี
เกมนี้ส่ง แจ็ค บัตแลนด์ ผู้รักษาประตูคนเก่งวัย 25 ปี จากสโต๊ค ซิตี้ ลงมาเฝ้าเสาเป็นตัวจริง โดยสามประสานแดนหน้าส่ง เจสซี่ ลินการ์ด, เจมี่ วาร์ดี้ และ ราฮีม สเตอร์ลิ่งลงมาล่าตาข่าย
ทางด้าน อิตาลี มีการเปลี่ยนแปลงหลายรายจากเกมพ่ายให้ อาร์เจนติน่า 0-2 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยตำแหน่งผู้รักษาประตูให้ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ลงมาเฝ้าเสาแทน บุฟฟ่อน ส่วนแนวรุกใช้งาน ชิโร่ อิมโมบิเล่ กับ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ ล่าตาข่าย
ออกสตาร์ทครึ่งแรกมาได้แค่ 6 นาที อังกฤษ ได้โอกาสก่อนเลย เมื่อ คีแรน ทริปเปียร์ โยนให้กับ เอริค ดายเออร์ ขึ้นโหม่งในกรอบเขตโทษบอลหลุดเสาซ้ายไป
10 นาทีต่อมา อิตาลี มีลุ้นบ้าง อันโตนิโอ คานเดรว่า เปิดจากกราบขวาให้ ชิโร่ อิมโมบิเล่ เทคตัวโหม่งจ่อๆ ข้ามคานไปอย่างไม่น่าเชื่อ
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 24 เจ้าถิ่นได้โอกาส ราฮีม สเตอร์ลิ่ง จ่ายบอลขึ้นหน้าให้ เจมี่ วาร์ดี้ วิ่งสอดมาตวัดยิงด้วยขวาในกรอบเขตโทษ แต่ไม่ผ่านการป้องกันของ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า นายทวารอิตาลี ที่เซฟได้ ก่อนเพื่อนร่วมทีมช่วยกันสกัดทิ้งออกข้างไปได้ทัน
2 นาทีต่อมา อังกฤษ ได้โอกาสอีกครั้ง คีแรน ทริปเปียร์ ครอสให้ เอริค ดายเออร์ ขึ้นโขกเต็มๆ แต่ไม่ผ่าน จานลุยจิ ดอนนารุมม่า
อย่างไรก็ตามพลพรรคสิงโตคำราม มาได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ได้ฟรีคิก หลังจาก ราฮีม สเตอร์ลิ่ง โดนสกัดร่วงลงไป ซึ่ง เจสซี่ ลินการ์ด เล่นฟรีคิกเร็ว กดบอลลงพื้นแล้วจ่ายต่อให้กับ เจมี่ วาร์ดี้ กดด้วยขวาทางกรอบเขตโทษด้านขวาบอลเบียดเสาแรกเข้าไปอย่างสุดสวยช่วยให้ อังกฤษ นำก่อน 1-0 ในนาทีที่ 26
ก่อนหมดครึ่งแรกแค่ 4 นาที อิตาลี ขึ้นเกมทาง อินซินเย่ จ่ายต่อให้ อันโตนิโอ คานเดรว่า กดด้วยขวาบอลถากเสาซ้ายไป หมดครึ่งแรก อังกฤษ ออกนำก่อน 1-0 มาเล่นกันต่อในครึ่งหลัง อิตาลี เปลี่ยนเอา เฟเดรีโก้ เคียซ่า ลงเล่นแทน อันโตนิโอ คานเดรว่า ในนาทีที่ 56
นาทีต่อมา โอกาสของเจ้าบ้าน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกจาสโมสรแมนฯซิตี้ ที่วันนี้เล่นได้เด่นเหลือเกิน จ่ายให้กับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน หลุดเข้าไปยิงด้วยซ้ายจากนอกเขตโทษ แต่ติดเซฟของ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า นายทวารร่างใหญ่ของอิตาลี
อิตาลี มีโอกาสเหมือนกันในนาที 58 เคียซ่า จ่ายให้กับ อิมโมบิเล่ กระททุ้งด้วยขวาจากนอกเขตโทษไปติดเซฟของ แจ็ค บัตแลนด์ นายทวารทีมชาติอังกฤษ
หนึ่งชั่วโมงของเกมการแข่งขัน อังกฤษ ส่ง อดัม ลัลลาน่า ลงเล่นแทน อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน พร้อมส่ง แดนนี่ โรส เล่นแทน คีแรน ทริปเปียร์
กระเถิบมานาทีที่ 67 อังกฤษ ได้โอกาสจากจังหวะที่ อดัม ลัลลาน่า ที่ลงมาเป็นตัวสำรองจ่ายให้กับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ซัดด้วยขวาจากทางกรอบเขตโทษด้านซ้าย บอลเหินข้ามคานไป
สามนาทีต่อมา อังกฤษ เปลี่ยนเอา มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงเล่นหน้าแทน เจมี่ วาร์ดี้ คนทำประตู พร้อมให้ ลูอิส คุ้ก เล่นแทน ลินการ์ด ด้วย
ล่วงเลยมานาทีที่ 73 อิตาลี ได้ฟรีคิกเยื้องมาทางด้านซ้าย ลอเรนโซ่ อินซินเย่ ปั่นด้วยขวาบอลโค้งข้ามคานไป
ท้ายเกมนาทีที่ 87 อิตาลี มาได้จุดโทษจากจังหวะที่ เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ กองหลังอังกฤษไปสกัดใส่ เคียซ่า จนล้มลงไปในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้ทันที ก่อนที่ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ รับหน้าที่สังหารด้วยขวาเสียบมุมเข้าไปอย่างสวยงามช่วยให้ตามตีเสมอ 1-1
เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้อีก จบเกมเสมอกัน 1-1
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
อังกฤษ : แจ็ค บัตแลนด์ – ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, คีแรน ทริปเปียร์ – อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, เอริค ดายเออร์, แอชลี่ย์ ยัง – เจสซี่ ลิ
นการ์ด, เจมี่ วาร์ดี้, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
อิตาลี : จานลุยจิ ดอนนารุมม่า – เลโอนาร์โด โบนุชชี่, ดานิเอเล่ รูกานี่, มัตเตีย เด ชีโย่ – ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า, จอร์จินโญ่, มาร์โก ปาโรโล่, ลอเรนโซ่ เปเยกรินี่, อันโตนิโอ
คันเดรว่า – ชิโร่ อิมโมบิเล่, ลอเรนโซ่ อินซินเย่