สนามบอลหรือปลักควาย? สิงห์ รุก-รับ เน่าพอกัน

โดยเฉลี่ยแล้วทีมที่จะเป็นแชมป์หรือขี้หมูขี้หมาเบียดยันท้ายซีซั่นควรแพ้ไม่เกิน 5-6 นัดแต่ เชลซี ที่เป็นหนึ่งในตัวเต็งก่อนเปิดซีซั่นตอนนี้เสียท่าไปแล้ว 2 จาก 5 เกมแรกเท่านั้นเอง

การแพ้ เซาธ์แฮมป์ตัน ทำให้ โธมัส ทูเคิ่ล ถูกแฟนบอล “สิงห์บลู” โจมตีอย่างหนักเพราะหลายคนรู้สึกว่าช่วงหลังแกเหมือน “จิตหลุด” เปลี่ยนนั่นขยับนี่หาความนิ่งไม่ได้เลย

เกมนึงเล่นหลัง 3 อีกเกมเล่นหลัง 4 รีส เจมส์ ถนัดวิงแบ็คก็จับไปยืนเซนเตอร์ฝั่งขวาแล้วให้ รูเบน ลอฟตัน ชีค ไปเล่นแทน พอวันนี้เล่นเซนเตอร์คู่ กลางอ่อนแอ บอลทะลุมาไวมาง่ายเกิน

ข้ออ้างการขาด เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ฟังไม่ค่อยขึ้นแล้วเพราะถ้าตัวหลักเจ็บไปแค่คนเดียวแต่รวนทั้งทีมอาจต้องถามว่าแล้วที่เหลือระดับทีมชาติทั้งนั้นทำอะไรกันอยู่

เกมที่ เซนต์แมร์รี่ “เจมส์” ซึ่งแฟน เชลซี คิดถึงสุดๆเนื่องจากเกมริมเส้นที่เป็นช่องทางทำมาหากินของ ทูเคิ่ล ทำอะไรไม่ได้จริงๆ

ผมเห็นช่วง 10-20 นาทีแรกที่ทีมเยือนเชื่อมเกมกลางกับหน้าได้ดูดีมีอนาคตก่อนที่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง จะซัดเบิกร่อง

แต่นำอยู่แค่ 5 นาทีถูก โรมีโอ ลาเวีย ตีเสมอซึ่งรูปเกมหลังจากนั้นดูเหมือนเป็นฝั่ง “นักบุญ” ที่เริ่มเข้าไวเข้าหนักเพื่อไม่ให้ “สิงห์” ขึ้นเกมได้ถนัดซึ่งเป็นจุดบอดมาตั้งแต่แพ้ ลีดส์ 3-0 แล้ว

รุกฝืดไม่เท่าไหร่แต่เกมรับนี่สิ บอลกำลังจะเข้าห้องแต่งตัวด้วยผลเสมอแต่กลับโดนยิงโคตรเบสิกทั้งๆที่แนวรับยืนกันเพียบ

การที่ไม่มีกลางสกรีนหน้าเขตโทษทำให้ เจมส์ วอร์ด เพราซ์ เลือกจ่ายออกข้างให้ โรแม็ง แปร์โรด์ สบายๆ

และเห็นได้ชัดว่าตั้งแต่ช็อตนี้แนวรับ “สิงห์บลู” เริ่มสับสนแล้วว่าใครควรตามตัวไหนทั้งๆที่ “นักบุญ” มีนักเตะในเขตโทษแค่ 2 คนแต่ทีมเยือนอยู่กัน 5!!

ที่รับไม่ได้คือ 3 กองหลังระดับซีเนียร์ทั้ง ธิอาโก้, อัซปิลิกวยต้า และ คูลิบาลี่ วิ่งเข้าไปดักบอลที่กรอบ 6 หลาเพื่อตาม เช อดัมส์ แค่คนเดียว

สุดท้ายแล้ว อดัม อาร์มสตรอง ยืนโล่งๆจับบอลแล้วส่องเต็มตีนเตี่ย เจ็บใจไหมครับที่มาตรฐานเกมรับปล่อยให้ลูกนี้กลายเป็นตัวตัดสินแพ้ชนะไปเลย

การถูกแซงนำทำให้ เซาธ์ มีกำลังใจและเน้นบอล direct ลาก เชลซี เข้ามาอยู่ในจังหวะการเล่นของพวกเขากินเวลาไปเรื่อยๆ

เกมรุกของ เชลซี ในครึ่งหลังถูกลักพาตัวกันหมดครับ บอลขึ้นมาลำบากมาก

แค่เริ่มครึ่งหลังมาไม่กี่นาที จอร์จินโญ่ ถูกเพรสแต่ยังดื้อจ่ายแทงทะลุออกปีกแล้วล้นออก กล้องจับมา ทูเคิ่ล มองค้อนส่ายหัว เป็นภาษากายที่ดูสิ้นหวังไม่ใช่เฉพาะในสนาม

เมื่อ จอร์จินโญ่ ไม่ใช่คนที่เล่นบอลไวออกบอลไวอยู่แล้ว แดนหน้าถูกคุมแจม ริมเส้นวันนี้เลี้ยงไม่ผ่าน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทีมเยือนจะพลิกตำราพิชัยอีท่าไหนถึงจะพลิกสถานการณ์ได้

นี่ยังโชคดีที่ได้ คูคูเรญ่า (บล็อกระยะ 6 หลา) และ ธิอาโก้ (เคลียร์บนเส้นด้วยท่าม้าน้่ำ) ช่วยชีวิตไม่โดนลูกที่ 3 ลูกที่ 4 ไม่งั้นก็ทุเรศทุรังหนักกันไปอีก

โชคดีของ ทูเคิ่ล ที่ตอนนี้เจ้าของไม่ใช่ “อากู๋” โรมัน อับราโมวิช ที่เป็นคนคิดไวทำไวไม่ปล่อยให้ลอยนวลนานแต่ถ้ายังมีแบบนี้อีกซักนัดสองนัด ทอดด์ โบห์ลี่ ก็อาจไม่เอาไว้เหมือนกัน

“สิงห์บลู” ณ ตอนนี้ต้องใส่จิตวิญญาณในการเล่นและหวือหวากับบอลอีกเยอะเลยครับ

คุณสมบัติดังกล่าวผมมองว่า แอนโธนี่ กอร์ดอน แข้งดาวรุ่ง เอฟเวอร์ตัน ที่เป็นข่าวมา 2-3 วันหลังมานี้ตอบโจทย์ช่วงวิกฤติแบบนี้ได้เลยนะ

แต่คงต้องถามว่า แฟร็งค์ แลมพาร์ด ใจกล้ายอมขายก่อนตลาดปิดอีก 2 วันหรือเปล่าเพราะมีเงินแต่ไม่มีเวลาหาตัวแทนอาจตกชั้นได้เลยทำเป็นเล่นไป

ผมนั่งดูเกม ลีดส์ เสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1 ก็ยังยืนคำเดิมว่า แลมพ์ ไม่โดนไล่ตอนนี้ก็ซักนัดนี่แหละ

เกมที่ เอลแลนโร้ด นี่บุกไม่ขึ้นแต่พอได้โอกาสครั้งแรกในเกมนี้ก็เป็นประตูทันที (กอร์ดอน นาที 17) แถมเป็นแนวรับ ลีดส์ ไม่รู้ทำอีท่าไหนยืดขาผิดท่าให้เจ้าหนูท๊อฟฟี่หลุดไปยิงซะงั้น

นอกนั้นการเล่นไม่มีจินตนาการใดๆ บอลจะขึ้นตรงไหนก็ไปออกปีกแล้วรอทีเด็ดของ กอร์ดอน หรือไม่ก็ให้ เกรย์ ร่ายเวทมนต์ ก็แป๊กสิครับ

โชคดีวันนี้ “ยูงทอง” เล่นไม่ค่อยดี คือเร่งเกมบุกดุอยู่แต่ยึกยักริมเส้นไม่เปิดซักที แฟนร้องระงมเพราะเป็นแบบนี้ตั้งแต่ครึ่งแรก ตัวในกรอบก็มีไม่ใช่ไม่มีแต่เล่นไม่เปิดเลยแล้วจะไปลุ้นอะไร พอได้โอกาสเปิดก็แป๊ก (โดยเฉพาะ แจ็ค แฮร์ริสัน ห่วยนรก)

ท้ายที่สุด เจสซี่ มาร์ช กุนซือเห็นท่าไม่ดีเลยส่ง แพทริค แบมฟอร์ด แต่ก็ไม่ทันการ ตอนมีเวลาก็เร่งจนเกมเสียแล้วช่วงบีบๆจะเหลือเหรอครับ

แลมพ์ ดูท่ากระเสือกกระสนยอมทำทุกทางเพื่อทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียสมาธิ แม้กระทั่งสั่งให้ลูกทีมถ่วงเวลาตั้งแต่ต้นเกมและยั่วประสาทแข้งเจ้าถิ่นอยู่เรื่อยๆ

เกมเดือดถึงขนาดที่ว่า แลมพ์ กับ มาร์ช ด่าเถียงกันในหลายๆช็อตหลายๆเหตุการณ์โดยเฉพาะจังหวะนอกเกมของ กอร์ดอน อัดใส่ คริสเตนเซ่น ที่ออกบอลไปตั้งนานแล้วจนเกือบมีมวยหมู่

ครับ ผมขอทิ้งท้ายประเด็นที่ลืมพูดถึงในเกมที่ แมนฯยูฯ บุกมาเอาชนะที่ เซนต์ แมร์รี่ คือสภาพสนามเน่าจัดยิ่งกว่าอบต.บ้านเรา

ดูมุมระยะไกลเราจะเห็นว่าตรงกลางมีจุดขี้ดินที่ไม่มีหญ้าเป็นหย่อมๆแต่ถ้ากล้องซูมเข้าไปไม่ว่าจะด้านข้างที่หญ้าเขียวๆแต่ขอโทษไม่เรียบครับ หลุดยุ่ย shopee พร้อมส่งมาก

หลายๆครั้งที่นักเตะ เชลซี จับบอลต้องใช้สมาธิมากกว่าปกติ บางคนกะจังหวะผิดบอลกระเด้งกระดอนลอยข้ามขาทั้งๆที่บอลมาเลียดด้วยซ้ำ

เข้าใจได้อยู่หากหญ้าเน่าเพราะตะบี้ตะบันเตะไปแล้ว 6 เดือนหรือเข้าสู่ช่วงหน้าหนาวที่หญ้ามันตายง่าย

แต่เอิ่ม….นี่เพิ่งสิ้นเดือนสิงหาคมหรือช่วงซัมเมอร์บ้านเขา!! และใช้งานไปแค่ 1-2 นัด กับ เชลซี นัดที่ 3 ด้วยซ้ำ

ฝรั่งด่ากันยับในโลกออนไลน์โดยคอมเมนท์นึกจัดหนักบอกสนามเซาธ์กากกว่าทุ่งหญ้าที่เอาไว้เลี้ยงควายซะอีก

เงินค่าลิขสิทธิ์ก็ได้ไปหลาย 10 ล้านปอนด์ไม่ควรมีสภาพสนามแบบนี้ในพรีเมียร์ลีก ขนาดมาเตะปรีซีซั่นในเอเชียพวกทีมอาชีพยุโรปยังส่งทีมงานมาตรวจสนามล่วงหน้าเพราะนักเตะเจ็บหนักได้เลยนะครับ

ผมไม่แน่ใจว่า พรีเมียร์ลีก จะตักเตือนหรือบังคับให้ เซาธ์ มีการปรับปรุงพื้นสนามในช่วงเบรกทีมชาติกลางเดือนหน้าหรือไม่ (ในอดีตเคยมีข่าวปรับเงินเพราะสนามเน่ามาแล้ว) เพราะถ้าปล่อยไว้แบบนี้ทีมมาเยือนที่เล่นบอลบนพื้นเสียเปรียบนะครับ

แต่เอาเถอะอยากทำอะไรก็ทำไป พอดีเช็กโปรแกรมแล้ว ลิเวอร์พูล มาเยือนที่นี่ตอนปิดซีซั่นเดือนพฤษภานู่นเลย…

สถิติ สถิติ สถิติ

 ตลอด 27 ฤดูกาลใน พรีเมียร์ลีก เชลซี เปิดหัวแพ้ 2 จาก 5 เกมเพียงแค่ 2 หนเท่านั้นโดยหนแรกย้อนกลับไปเมื่อซีซั่น 2015-16 และในปีนั้นจบด้วยอันดับ 10

 โรเมโอ ลาเวีย (18 ปี 236 วัน) เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดอันดับ 4 ที่ยิงประตูใน พรีเมียร์ลีก ให้ เซาธ์แฮมป์ตัน ต่อจาก มิชาเอล โอบาเฟมี่ (18 ปี 169 วัน), เด็กเตอร์ แบ็คสต๊อค (18 ปี 177 วัน) และ แซม กัลลาเกอร์ (18 ปี 181 วัน)

 ความพ่ายแพ้ของ ไบรท์ตัน หมายความว่า อาร์เซนอล จะจบวันอังคารด้วยการเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์เป็นครั้งที่ 1,000 ซึ่งตัวเลขนี้มีเพียง แมนฯยูฯ, เชลซี และ แมนฯซิตี้ เท่านั้นที่ทำได้ดีกว่าพวกเขา

 อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ยิงประตูใน พรีเมียร์ลีก ใส่ ไบรท์ตัน มากกว่าทีมไหนๆ (4 ลูก) โดยลูก 1-0 เป็นประตูที่ 100 ของเจ้าตัวให้ ฟูแล่ม อีกด้วย

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ