สิงห์ส่อไร้ ‘ก็องเต้’ เจอผี, เรือรอเช็ค ‘โฟเดน,กรีลิช’ ชนค้อน…ปรีวิว พรีเมียร์ลีก

เบรนท์ฟอร์ด – เอฟเวอร์ตัน (21:00 น.)
เบรนท์ฟอร์ด จะมี โยอาเน่ วิสซา พร้อมสำหรับการลงสนามอีกครั้งนึงหลังหายจากอาการเจ็บข้อเท้าแล้ว

มัดส์ โซเรนเซ่ กับ มาธิอัส เยนเซ่น ต่างกลับมาพร้อมสำหรับการมีชื่อในเกมนี้แล้วเช่นกัน กระนั้น มาธิอัส ยอร์เก้นเซ่น น่าจะต้องพลาดนัดนี้ไป

ราฟา เบนิเตซ กุนซือของ เอฟเวอร์ตัน อาจได้ เดมาไร เกรย์ หายจากอาการบาดเจ็บกลับมาทัน หลังมันไม่หนักเหมือนอย่างที่กังวลกันทีแรก

อับดูลาย ดูคูเร่ จะต้องทดสอบความฟิตก่อน ในขณะที่ ริชาร์ลิซอน กับ เมสัน โฮลเกท มีโทษแบนติดตัว นอกนั้นก็ยังขาดทั้ง เยร์รี่ มีน่า, โดมินิก คัลเวิร์ท-เลวิน, อันเดรส โกเมส และ ทอม เดวีส

ฟันธง : เสมอ 3-3

เบิร์นลี่ย์ – ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ (21:00 น.)
เบิร์นลี่ย์ จะต้องอดใช้งาน แอชลี่ย์ บาร์นส ไประยะนึงเลยเพราะพบกับอาการกล้ามเนื้อต้นขาฉีก

เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ รวมถึง แอชลี่ย์ เวสต์วูด ก็ติดโทษแบนอยู่หลังทั้งสองคนสะสมใบเหลืองครบ 5 ใบในสัปดาห์ที่แล้ว

อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือของ สเปอร์ส เปลี่ยนนักเตะไป 9 คนในเกมที่พ่ายต่อ มูร่า เมื่อคืนวันพฤหัสบดี

เกมนี้จะได้ โอลิเวอร์ สกิปป์ กลับมาจากโทษแบนด้วยและอาจจะได้รับโอกาสลงเล่นต่อจากกลางสัปดาห์ ส่วน คริสเตียน โรเมโร่ ยังต้องพักต่อไป

เก็บตกสถิติเล็กน้อย
– เบิร์นลี่ย์ เอาชนะ สเปอร์ส ได้เพียงแค่หนเดียวจากการลงสนาม 12 เกมที่ผ่านมาในพรีเมียร์ลีก (เสมอ 3 แพ้ 8)

– แฮร์รี่ เคน ผ่านการซัดไปถึง 8 ประตูจากการลงสนามพบกับ เบิร์นลี่ย์ มา 10 นัดในลีก

ฟันธง : เสมอ 1-1

เลสเตอร์ ซิตี้ – วัตฟอร์ด (21:00 น.)
เลสเตอร์ ต้องรอประเมินความพร้อมของ จอนนี่ อีแวนส์ หลังมีปัญหาเกี่ยวกับต้นขามาจากเกมที่เอาชนะ ลีเกีย เมื่อวันพฤหัสบดี

ริคาร์โด้ เปเรย์ร่า เป็นนักเตะรายล่าสุดที่พบกับอาการบาดเจ็บ ในขณะที่ เจมส์ จัสติน ยังไม่พร้อมสำหรับการกลับมา

วัตฟอร์ด เองจะหมดสิทธิ์ใช้ทั้ง อิสไมล่า ซาร์ และ นิโคลัส เอ็นคูลู เพราะเจอกับอาการเจ็บหัวเข่าและแฮมสตริงตามลำดับ

อย่างไรก็ตามพวกเขาจะมี ยูราย คุชก้า กลับมาพร้อมลงเล่นอีกครั้งหลังจากชดใช้โทษแบนเรียบร้อยแล้ว

เก็บตกสถิติเล็กน้อย
– เลสเตอร์ ผ่านการคว้าชัยชนะมา 7 จาก 12 เกมที่พบกับ วัตฟอร์ด ในพรีเมียร์ลีก (เสมอ 2 แพ้ 3)

– เลสเตอร์ เองเก็บคลีนชีตได้เพียงแค่นัดเดียวจากการเล่นพรีเมียร์ลีก 18 นัดหลังสุด

ฟันธง : เสมอ 2-2

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ – เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (21:00 น.)
แมนฯ ซิตี้ จะต้องจับตาดูความพร้อมของ ฟิล โฟเดน กับ แจ๊ค กรีลิช ต่อไปหลังพลาดเกมชนะ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เพราะอาการเจ็บ

เควิน เดอ บรอยน์ ยังคงอยู่ในช่วงของการกักตัวเองหลังไปติดโควิดมา

เวสต์แฮม จะส่งนักเตะตัวหลักอย่างเช่น มิเคอิล อันโตนิโอ และ ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี้ คืนสนามจากที่ได้พักมาในเกมยูโรป้าลีก

นักเตะที่หายไปของพวกเขามีแค่คนเดียวเท่านั้นคือ อันเจโล่ อ๊อกบอนน่า ที่เหลือพวกเขามีตัวเลือกให้พร้อมสำหรับการใช้งาน

เก็บตกสถิติเล็กน้อย
– แมนฯ ซิตี้ ในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผ่านการคว้าชัยชนะเหนือ เวสต์แฮม มา 9 จาก 10 เกมที่พบกับในลีก โดยยิงกระจาย 28 ลูกและเสียเพียงแค่ 5 ประตูเท่านั้น

– ตอนนี้ แมนฯ ซิตี้ ยังเก็บคลีนชีตมา 6 จาก 7 เกมหลังสุดที่เล่นเกมเหย้าในพรีเมียร์ลีก ยกเว้นเพียงแค่นัดพ่าย คริสตัล พาเลซ

ฟันธง : แมนฯ ซิตี้ ชนะ 2-0

เชลซี – แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (23:30 น.)
เชลซี จะไม่มี เบน ชิลเวลล์ ที่ต้องรอดูว่าจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดไหม หลังไปพบกับอาการเจ็บเอ็นไขว้หน้าข้อเข่ามาในเกมกลางสัปดาห์

มาเตโอ โควาซิช ก็ยังคืนสนามไม่ได้และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ก็ไม่น่าจะได้มีส่วนร่วม แต่เกมนี้ โรเมลู ลูกากู อาจกลับมาสู่ตัวจริงอีกครั้ง

แมนฯ ยูไนเต็ด จะไม่มี แฮร์รี่ แมกไกวร์ กัปตันทีมที่ติดโทษแบนและ ลุค ชอว์ มีอาการเจ็บที่ศีรษะอาจพลาดเกมนี้ไปเหมือนกัน

เฟรด กับ เอดินสัน คาวานี่ ต่างต้องรอเช็คความพร้อมด้วยการทั้งคู่ นอกเหนือจากนั้น ราฟาเอล วาราน กับ ปอล ป็อกบา ก็ยังต้องพักฟื้นกันต่อไป

เก็บตกสถิติเล็กน้อย
– เชลซี หาชัยชนะเหนือ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เจอเลยในการพบกับ 7 นัดหลังสุดในลีก (เสมอ 4 แพ้ 3) เชลซี ยังยิงประตูไม่ได้จากการเจอกับพวกเขาใน 4 เกมหลังสุด

– กระนั้นซีซั่นนี้ เชลซี ก็ฟอร์มแรงแพ้มาเพียงแค่นัดเดียวจากการลงสนาม 12 เกมในลีก

– กลับกัน แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ในช่วงฟอร์มย่ำแย่แพ้มา 5 จาก 7 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีก (ชนะ 1 เสมอ 1)

ฟันธง : เชลซี ชนะ 2-0

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ