“หงส์สไตล์” ปล่อยให้เสียวก่อนเก็บท้ายเกม

เบนฟิก้า หยั่งเชิงความเป็น ลิเวอร์พูล ได้อยู่ราวๆ 10 นาทีก่อนจะมาพบว่ายังเป็นรองทั้งประสบการณ์และคุณภาพผู้เล่นจากเกาะอังกฤษ

พูดก็พูดว่า เอฟซี ปอร์โต้ ที่แข็งสุดในลีกโปรตุเกสยังเป็นขนมกรุบของ “หงส์แดง” ในทุกๆเกมที่เจอกัน

ดังนั้น “เหยี่ยวลิสบอน” ถือว่าโชคดีเอามากๆที่วันนี้ทีมเยือนทิ้งโอกาสหลุดเดี่ยวจาก โม ซาลาห์ และ ดิโอโก้ โชต้า หาไม่แล้วคงไม่ต้องบอกว่าเลกสองจะสิ้นหวังแค่ไหน

เบนฟิก้า อยู่ในจุดที่จะทำอะไรต้องพะวงไปหมดไม่ว่าจะขึ้นไปเพรสก็ต้องเสี่ยงถูกสวนกลับทะลุกลางโบ๋

สุดท้ายการเลือกไปตั้งรับอันเป็นวิธีที่รักษาพื้นที่ตัวเองจึงเป็นคำตอบโดยอัตโนมัติแต่ก็ต้องแลกมาด้วยการเข้าไปอยู่ใน “เกม” ของ ลิเวอร์พูล ที่ถนัดในการขึงใส่โดยเซนเตอร์ดันมาอยู่กลางสนามที่เราเห็นกันจนชิน

การมีตัวไวๆอย่าง VvD หรือ โกนาเต้ ทำให้ทีมเยือนยึดถือการเล่น High line โดยไม่สนใจว่าจะในบ้านหรือนอกบ้าน ที่เหลืออยู่ที่คู่แข่งจะหาจังหวะชิงการหนีกับดักล้ำหน้าอย่างไรและต้องใช้คนที่วางบอลแม่นและถูกจังหวะจริงๆเท่านั้น

ยังไม่ได้หาวิธีทำลายแผนนี้ เบนฟิาก้า ก็มาเสียประตูจากลูกเตะมุมตั้งแต่นาทีที่ 17 ทำให้ “หงส์แดง” ยิ่งควบคุมสถานการณ์และเลือกที่จะเล่นเอาชัวร์ไม่จ่ายบอลเสียกลางทางได้มากขึ้น

ลูก 2-0 ที่มาก่อนหมดครึ่งแรก 10 นาทีคงไม่น่ามีอะไรแต่บังเอิญบอลไปอยู่ที่เท้า เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่ชอบมากกับลูกเปิดยาวไปยังพื้นที่ว่างซึ่งจุดที่ หลุยส์ ดิอาซ วิ่งควบไปเอาบอลอยู่ที่ระยะ 30 หลาซึ่งเหลือๆ

สังเกตลูกนี้หาก ดิอาซ เลือกที่จะพักอกหรือดูดบอลเล่นเองน่าจะจบที่โดนฉกหรือไม่ก็ต้องดึงย้อนกลับหมดโอกาสทันที

การเล่นเพื่อทีมโขกชงต่อให้ ซาดิโอ มาเน่ จึงเป็น option ที่เพอร์เฟคและทำให้ “หงส์แดง” เล่นง่ายกว่าเดิม

จุดพลิกผันที่ทีมเยือนส่งมอบให้เป็นความผิดพลาดของ อิบราฮิม่า โคนาเต้ ที่ในวัย 22 ปีอาจต้องนำเอาไปเป็นบทเรียนว่าลูกลักษณะนี้การเคลียร์ด้วยเท้าขวาข้างถนัดชัวร์กว่าเลือกใช้อีกเท้าที่จัดระเบียบร่างกายยากกว่า

ลูกตีไข่แตกลูกนี้ของ เบนฟิก้า มาไวมากเพียง 4 นาทีหลังพักครึ่งและโชคดีของเด็กๆ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่มันไม่ได้รุนแรงถึงขั้นโดนตีเสมอหลังได้ อลิสซอน ช่วยชีวิตพุ่งเซฟลูกยิงของ เอแวร์ ในนาที 60

การแก้เกมส่งนักเตะรวดเดียว 3 รายทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่ และ ดิโอโก้ โชต้า ในนาที 61 ทำให้การควบคุมสถานการณ์กลับมาสงบสู่สภาวะปกติตามเดิม

ครับนัดนี้ต้องยกให้ ดิอาซ ที่ช่วงแรกถูกนักเตะเจ้าถิ่นคอยตามเก็บข้อหาเป็นอดีตนักเตะ ปอร์โต้ คู่ปรับตลอดกาล

แต่ยิ่งเล่นกับเวลามากเท่าไหร่ ดิอาซ ขยับเลเวลห่างออกมาอย่างโดดเด่น นอกจากแอสซิสต์ให้ มาเน่ แล้วก่อนจบเกมแค่ 3 นาทีปีกทีมชาติ โคลอมเบีย โชว์ทักษะทั้งสปีดและความใจเย็นก่อนเก็บงาน 3-1

พูดได้แบบไม่เคอะเขินว่าลูกนี้พา “หงส์แดง” เข้ารอบรองแบบ “ไม่เป็นทางการ” ไปเรียบร้อยแล้ว

โจทย์พลิกสถานการณ์ในเลก 2 ของ “เหยี่ยวลิสบอน” แทบจะเป็นไปไม่ได้เมื่อหันไปดูคุณภาพของนักเตะที่ต้องยอมรับกันตรงนี้ว่ายังไม่ match เจ้าพ่อบอลยุโรป

การจะพึ่งพานักเตะแค่คนหรือสองคนอย่าง เอแวร์ตอน หรือ ดาร์วิน นูเญซ มันไม่พอแน่ๆครับ

ในขณะเดียวกัน เบนฟิก้า ควรมองในแง่ดีที่วันนี้ “หงส์แดง” ยังแง้มประตูความหวังไว้ให้เล็กน้อยกับ margin 2 เม็ด

เหยื่อมักทิ้งร่องรอยให้ตามหาฉันใดฝั่ง ลิเวอร์พูล ยังมีข้อผิดพลาดให้คู่ต่อสู้ตามเก็บตกฉันนั้น

อย่างในเกมนี้ไม่ว่าจะการเคลียร์ว่าวของ โกนาเต้ การจ่ายบอลผิดพลาดของ ติอาโก้ จนคู่ต่อสู้หรือความเป็น ซาลาห์ ที่ตอนนี้หลุดเดี่ยวเชื่อได้ในระดับนึงว่า “เข้ายาก”

ลิเวอร์พูล เฉียดความเป็นความตายจนต้องพึ่งพาประตูตอกฝาโลงท้ายเกมบ่อยมากขึ้นทั้งๆที่ควรปิดเกมยิงขาดไปนานแล้ว

แต้มบุญที่ทำไว้จะไปหมดเกมไหนก็ได้แต่ต้องไม่ใช่ศึกใหญ่กับ แมนฯซิตี้ สุดสัปดาห์นี้นะครับ…

สถิติ สถิติ สถิติ

 ลิเวอร์พูล ชนะเกมเยือน 8 นัดรวดในทุกรายการเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร

 หลัง อิบราฮิมา โกนาเต้ ยิงประตูแรกให้สโมสรทำให้ “หงส์แดง” มีนักเตะไม่ซ้ำหน้า 20 คนที่ทำประตูได้ในทุกรายการซีซั่นนี้ซึ่งมากกว่าทุกๆทีมในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว

 ฟิล โฟเด้น ทำแอสซิสต์ลูกที่ 7 ใน UCL เรียบร้อยแล้วทำให้ตอนนี้หากนับตัวแทนจาก อังกฤษ มีเพียง เชส ฟาเบรกัส ที่แอสซิสต์มากกว่าเขา

10 – เชสก์ ฟาเบรกัส

7 – ฟิล โฟเด้น

6 – ธีโอ วัลค็อตต์

5 – ราฮีม สเตอร์ลิ่ง

5 – เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ