เชลซี ที่รัก – อันโตนิโอ รูดิเกอร์

ผมไม่ชอบการบอกลา แต่ผมจะพยายามทำให้ครั้งนี้เป็นเรื่องพิเศษจากหัวใจ

จริง ๆ แล้ว ผมต้องเล่าเรื่องหนึ่งให้คุณฟัง ก่อนจะเล่าอีกเรื่องหนึ่ง นี่คือตัวตนความเป็นชาวแอฟริกันของผม เราต้องใช้เวลา

ผมอยากจะพูดเรื่องรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก แต่การจะทำให้คุณเข้าใจ ผมต้องเล่าเรื่องสั้นเกี่ยวกับหนึ่งในคนที่ไนซ์ที่สุดในโลกฟุตบอล แน่นอนว่าผมกำลังพูดถึง เอ็นโกโล่ ก็องเต้

ก่อนผมย้ายมาเชลซี ผมได้ยินเรื่องราวที่งดงามทั้งหมดเกี่ยวกับเขา ว่ากันว่าเขายิ้มอยู่เสมอ ว่ากันว่าเขายังขับรถมินิ คูเปอร์ คันเก่า ว่ากันว่าเขาไม่เคยขึ้นเสียงกับใคร แต่คุณรู้ใช่ไหมว่าฟุตบอลเป็นอย่างไร? ไม่มีใครเป็นแบบนั้นจริง ๆ หรอก ความกดดันมันมากเกินไป ความผิดหวังมันมากเกินไป เราทุกคนล้วนเป็นมนุษย์ ไม่มีใครที่ใจเย็นแบบนั้นตลอดเวลา มันเป็นไปไม่ได้

จากนั้นผมได้พบกับ เอ็นโกโล่

ทุกอย่างที่ผมคุยกับหมอนี่ เขาจะมองหน้าผมแล้วพยักหน้า คือมันเหมือนเขาคิดว่าทุกอย่างที่ผมพูดเป็นเรื่องน่าสนใจ แล้วเขาก็จะทำสิ่งนี้… ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายผ่านตัวหนังสือได้อย่างไร คุณต้องได้ยินอ่ะ ทุกครั้งที่ผมพูด เขาจะทำเสียง *คลิก, คลิก, คลิก* ด้วยปากของเขา

“เฮ้ เอ็นจี อยากไปหาอะไรกินหน่อยไหม?”

คลิก, คลิก

“เอ็นจี เวลานายเพรสเขา…”

คลิก, คล็อก, คลิก

เพื่อนเอ๋ย ผมนี่คิดว่าเขามีปัญหาอะไรบางอย่างจริง ๆ นะ สุดท้ายวันหนึ่งผมก็ถามเขา “เอ็นจี ทำไมนายพูดแบบนั้นล่ะ? นายเป็นอะไรหรือเปล่า?”

เขาตอบว่า “ยังไงนะ?”

ผมบอกว่า “เสียง คลิก เนี่ยเฮีย!!! นายเป็นอะไร?”

เขายิ้ม

เขาบอกว่า “อ้าา แถวบ้านฉันทำกัน”

ที่ชานเมืองซึ่งเขาโตขึ้นมาที่ปารีส คนที่นั่นจะทำเสียงแบบนี้กัน มันเหมือนภาษาสแลงของคำว่า “ใช่” ผมไม่รู้ว่ามันเริ่มมายังไงนะ แต่เขาพูดแบบนั้นกันที่นั่น อารมณ์มันเหมือนการพูดว่า “ได้ ได้, โอเค เยี่ยมเลย” ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ตลกมาก เพราะผมก็โตมาจากละแวกบ้านแนว ๆ นี้เหมือนกันที่เยอรมนี แต่ผมไม่เคยได้ยินเสียงแบบนี้มาก่อนในชีวิต ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมคิดว่าเขากวนตีนผมเสียอีก!!

ทุกอย่างเกี่ยวกับ เอ็นจี คือมันจริงมาก แม้กระทั่งไอ้รถมินิ คูเปอร์เนี่ย – ผู้คนหัวเราะกันเรื่องนี้ แต่จริง ๆ แล้วมันมีเรื่องราวเบื้องหลัง มันคือความฝันของ เอ็นจี ในการได้มาเล่นในพรีเมียร์ ลีก จากอดีตของเขาที่โตขึ้นมา และมินิก็เป็นรถคันแรกที่เขาซื้อตอนมาถึงอังกฤษ สำหรับเขามันไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับรถ มันมีความหมายที่ลึกกว่านั้น

แน่นอนว่าเพื่อน ๆ ต่างแซวเขาเรื่องนี้ แต่ผมขอบอกพวกคุณเลย หมอนี่มันสุภาพมาก และจะตอบคำถามที่คุณต้องการได้ยิน

บางคนจะบอกว่า “เอ็นจี นายรู้ไหมรถอะไรที่เจ๋งมาก ๆ? เมอร์เซเดส ไง นายน่าจะเหมาะกับเบนซ์สีดำนะ”

เอ็นจี จะมองพวกเขาอย่างจริงใจแล้วตอบว่า “เหรอ โอเค เราจะเอาไปคิดดูนะ ขอบคุณมาก เป็นไอเดียที่ดีเลย”

แต่เขาแค่กวนตีนคุณ!! สุดท้ายแล้วคุณรู้ว่าคุณจะเห็นรถมินิคันนั้นที่สนามซ้อมไปอีก 10 ปี

ผมบอกกับคนอื่นตลอดเวลา…

มีคำว่าถ่อมตัว มีคนที่ถ่อมตัว และจากนั้นก็คือ เอ็นจี

ถ้วยรางวัลที่ผมคว้ามาได้กับเชลซี แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่วิเศษ แต่สิ่งที่ทำให้เชลซีมีความพิเศษก็คือมิตรภาพ เราเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมทีม นักเตะมากมายหลายคน – เอ็นจี, โควา, ซิเยค, ลูกากู – พวกเขาเหมือนพี่น้องของผม เอาจริง ๆ เรื่องนี้มันหายากมากเลยนะในฟุตบอล ถ้าจะมีสักช่วงเวลาหนึ่งที่สรุปทุกอย่างสำหรับผม ก็คงเป็นภาพในห้องน้ำหลังจากที่พวกเราคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก

แน่นอนว่าฤดูกาลนั้นมันเป็นฤดูกาลที่บ้าบอสำหรับผมมาก ผมไม่อยากจะพูดคำว่า บ้าบอ แต่จะใช้คำไหนได้อีก? ไม่ถึง 6 เดือนก่อนรอบชิงชนะเลิศด้วยซ้ำที่ผมติดอยู่กับพื้น ตอนนั้นผมโดนดร็อปจากขุมกำลังและไม่ได้รับคำอธิบายด้วย มีวันหนึ่งที่เรามีมีตติ้ง ผู้จัดการทีมบอกผมว่าขุมกำลังของเรามันใหญ่ และเขาก็อยากเลือกคนอื่นมากกว่าผม ตู้ม – แค่นั้นจบ หลังจากนั้นก็มีข่าวลือมากมาย ผมนี่โดนด่ายับในโซเชียลมีเดีย มันเป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุดในอาชีพการค้าแข้งของผมเลยนะ ผมเลือกที่จะนิ่งไม่พูดอะไร เพราะผมไม่อยากสร้างปัญหาใด ๆ ให้กับสโมสร

ลองนึกภาพถ้าคุณมาบอกว่าอีกไม่กี่เดือน ผมจะได้ลงตัวจริงในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศกับซิตี้?

ไม่เอาน่า มันเป็นไปไม่ได้

แต่เวลาที่คุณกระหาย ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ คนที่หิวและคนที่ไม่มีอะไรจะเสียนี่ละที่อันตรายที่สุด ตอนที่ ทูเคิ่ล เข้ามารับงานและมอบโอกาสให้ผม มันเหมือนเป็นชีวิตใหม่สำหรับผมเลย จริง ๆ แล้วเขาทำบางอย่างทันทีที่ผมคิดว่าผู้จัดการทีมหลายคนสามารถใช้เป็นบทเรียนได้ มันไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับแท็คติกส์ เขาแค่เดินเข้ามาหาผมแล้วพูดกับผมว่า “โทนี่ เล่าเรื่องของนายให้ฉันฟังหน่อยสิ”

เขาอยากรู้ว่าความดุดันและความกระหายของผมมาจากไหน ผมบอกเขาว่ามันเป็นเพราะการโตมาจาก Berlin-Neukölln และวิธีที่ผมเล่นแรงมากบนพื้นคอนกรีต จนเด็กคนอื่นที่โตกว่าเริ่มเรียกผมว่า “แรมโบ้”

เขาถามผมในด้านความเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เรื่องนี้สำคัญนะ ตอนที่ ทูเคิ่ล มอบโอกาสให้ผม ผมมีแรงจูงใจเปี่ยมล้นที่จะไม่กลับไปนั่งเป็นตัวสำรองอีก ผมตัดสินใจว่าผมจะทุ่มเท 200% ให้กับสโมสรแห่งนี้ไม่ว่าใครจะพูดอะไรเกี่ยวกับผมก็ตาม สำหรับผมนะ หลังจากทุกอย่างที่ผมต้องฟันฝ่ามา ถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก มันคือการปิดฉากที่วิเศษจริง ๆ

ตอนที่เราเจอกับเรอัล มาดริดในรอบรองชนะเลิศ เราควรจะเป็นแค่นักท่องเที่ยว ทุกคนบอกว่าพวกเราเด็กไป และพวกเขาคือมาดริด แต่เราเล่นกันเหมือนกลุ่มสุนัขที่หิวโหย โดยเฉพาะในเกมนัดสองที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เอาจริง ๆ เราเล่นกันเหมือนเป็นครอบครัว สกอร์สุดท้ายคือ 3-1 แต่ถ้าคุณถามผม ผมว่ามันเป็น 5-1 ได้ง่าย ๆ เลย นักเตะดาวรุ่งเล่นกันเหมือนผู้ใหญ่ในเวทีที่ใหญ่ที่สุด โดยเฉพาะ เมสัน ไอ้เด็กคนนี้มันเทพจริง ๆ ผมพูดจริงนะ ใจของเขาแม่งโคตรสุด บางครั้งผมต้องถามตัวเองว่า “เขาอายุแค่นี้จริง ๆ เหรอ?” แนวทางการเคลื่อนที่ของเขา แนวทางการปฏิบัติตัว คือมันไม่เหมือนว่าเขาอายุ 23 ปีเลย ในเกมกับมาดริดเขาสุดยอดมาก สุดท้ายแล้วเรารู้ว่าอะไรเกิดขึ้น…

เป็นนักท่องเที่ยวที่ชิงมงกุฎไป

สำหรับผม การผ่านไปถึงรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก หลังจากที่ต้องเจอทุกอย่างมาโดยส่วนตัว และหลังจากต้องลงเล่นมาอย่างยาวนานโดยไม่มีแฟนบอลเพราะโควิด… ว๊าว… มันเหลือเชื่อมาก

ผมจำคืนก่อนนัดชิงฯได้ เราพักที่โรงแรมในเมืองปอร์โต้ ผม, เอ็นจี, ซูม่า และซิเยค พวกเราไปละหมาดด้วยกันหลังทานมื้อเย็น ปกติพอเราละหมาดเสร็จ เราก็จะนั่งคุยกันหัวเราะกันสักพักหนึ่ง แต่ตอนนั้นทุกคนมีสมาธิมาก บรรยากาศคือเงียบมาก ผมจำได้ว่าเราสวมชุดวอร์ม และมันมีวันแข่งขันรอบชิงชนะเลิศปักอยู่แถว ๆ หน้าอก – 29 พฤษภาคม 2021

ตอนนั้นละที่ความรู้สึกทุกอย่างมันพรั่งพรูเข้ามา: ว๊าว เรามาอยู่ที่นี่แล้ว เรามองหน้ากันแล้วพูดว่า “ด้วยประสงค์ของพระเจ้า วันพรุ่งนี้เราจะเป็นแชมป์” จากนั้นเราก็กู๊ดไนท์กันแล้วเข้านอน

ตอนที่ผมกลับไปถึงห้อง ผมได้รับข้อความในโทรศัพท์จากเพื่อน มันเป็นวิดีโอ ผมคลิกเล่นและมันก็กลายเป็นข้อความเซอไพรส์จากเพื่อน ๆ และครอบครัวที่บ้านที่อวยพรให้ผมโชคดี ผมรู้สึกอารมณ์สงบลงทันทีเลย ความกดดันทุกอย่างหายไปหมด มันเป็นเครื่องย้ำเตือนที่สมบูรณ์แบบว่าจริง ๆ แล้วอะไรคือสิ่งที่สำคัญในชีวิตของเรา

จากสถานที่ที่ผมโตขึ้นมา ความกดดันมันไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับฟุตบอล

ความกดดันคือการไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้คุณจะได้กินอะไร

ความกดดันเหรอ….??? ไม่หรอก ไม่เลย

ทุก ๆ ครั้งเวลาที่ผมรู้สึกกดดันแม้แต่นิดเดียวตอนที่กำลังผูกเชือกรองเท้าก่อนเกม ผมจะคิดถึงความทรงจำที่พิเศษอย่างหนึ่ง ทันใดนั้นผมก็จะนิ่งลงทันที

ครั้งแรกที่ผมกลับไปที่เซียร์ร่า ลีโอนกับพ่อแม่หลังสงครามกลางเมือง เรานั่งแท็กซี่จากสนามบินแล้วก็เจอรถติด เรานั่งอยู่ตรงนั้น รถไม่ขยับ ผมมองออกไปนอกหน้าต่างได้เห็นความยากจนและความหิวโหย มีผู้ชายและผู้หญิงกำลังขายผลไม้ ขายน้ำ ขายเสื้อผ้า ขายทุกอย่างอยู่ริมทางให้กับคนที่เดินทางมาจากสนามบิน

ตอนนั้นละที่ผมเข้าใจว่าทำไมพ่อกับแม่ ถึงไม่เรียกละแวกบ้านของพวกเราในเบอร์ลินว่าเป็น “สลัม”

พวกเขาพูดเสมอว่าที่นั่นคือสวรรค์บนดิน จนกระทั่งผมเดินทางไปที่เซียร์ร่า ลีโอนนี่ละ ที่ทำให้ผมเข้าใจมุมมองของพวกเขา เพราะว่าเราเจอกับผู้ชายคนหนึ่งที่เดินมาขายขนมปัง เขาดูสิ้นหวังจริง ๆ เราบอกเขาว่า “ไม่เอา ๆ พวกเราโอเค”

จากนั้นมีชายอีกคนเดินมาที่รถของเราเพื่อพยายามขายขนมปัง เขาพยายามขายให้เราหนักกว่าคนแรกอีก เขาพยายามบอกเราว่าขนมปังมันสดแค่ไหน

“ไม่เอาละ ขอบคุณนะ”

จากนั้นก็มีชายคนที่ 3 เดินเข้ามา เขาพยายมขายของจริง ๆ เขาบอกว่าขนมปังของเขาอร่อยที่สุดในเมืองเลยนะ ได้โปรด ได้โปรด ได้โปรด ช่วยซื้อขนมปังจากเขาหน่อย

ผมจะนึกถึงความทรงจำนี้เวลาที่ผมเริ่มรู้สึกถึงความกดดันเวลาเล่นฟุตบอล เพราะความจริงคือผู้ชายทั้ง 3 คน พยายามขายขนมปังแบบเดียวกัน จากเบเกอรี่ร้านเดียวกัน ให้กับรถยนต์คันเดิม

หนึ่งในครอบครัวของ 3 คนนั้นอาจมีอาหารวางอยู่บนโต๊ะ

อีก 2 อาจจะไม่มี

นั่นละคือความกดดัน นั่นคือชีวิตจริง

ดังนั้นถ้าจะให้เรียนตามตรง ผมนอนหลับเป็นเด็กก่อนเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ ตอนผมตื่นขึ้นมาผมรู้สึกว่าตัวเองไร้เทียมทาน ผมมีครอบครัวหนุนหลัง ผมมีอาหารรออยู่บนโต๊ะ ผมไม่สามารถแพ้ได้

เกมวันนั้นก็งดงามเหมือนกัน เพราะว่าเราเอาชนะซิตี้ที่โคตรจะเก่งโดยตั้งรับกันเป็นทีมและเล่นงานพวกเขาจากจังหวะสวนกลับ เราสู้เพื่อชีวิตและสุดท้ายเราก็ได้แชมป์ พอเสียงนกหวีดดังขึ้น ผมวิ่งไปทั่วอย่างกับคนบ้า ตอนนั้น ทูเคิ่ล เดินเข้ามาในทางของผมพอดี ผมนี่กอดเขายกใหญ่ ช่วงเวลานั้นมันพิเศษกับผมจริง ๆ และผมก็จะซาบซึ้งบุญคุณของเขาไปเสมอ เพราะว่าเขามอบโอกาสให้ผมตอนที่ผมถูกทิ้งไว้กลางทาง

ตอนที่เรากลับไปในห้องแต่งตัว นักเตะคนอื่น ๆ เปิดแชมเปญฉลองกัน มีพวกเราไม่กี่คนที่เป็นมุสลิมก็เข้าไปในห้องอาบน้ำเพื่อหาความสงบ ผม, เอ็นจี, ซิเยค และซูม่า พวกเราขังตัวเองไว้ในนั้น เรานั่งมองเหรียญแล้วมองหน้ากัน เราพยักหน้าให้กัน

ผมจะไม่มีวันลืมเรื่องนี้เลย…

เอ็นจี ยิ้มปากจะฉีก

“ว๊าว” เขาพูดออกมา “พวกเราทำได้จริง ๆ”

แล้วเขาก็เริ่มหัวเราะตามแบบฉบับของเขา

เวลาที่ เอ็นจี หัวเราะ คุณทำอะไรไม่ได้นอกจากรู้สึกถึงความสุขล้วน ๆ พวกเรา 4 คนเริ่มหัวเราะกันเหมือนเด็กน้อย สำหรับผมช่วงเวลาในห้องน้ำตอนนั้นมันจะติดตัวผมไปตลอดชีวิต

ฟังนะ ชีวิตของผมผ่านมาทุกอย่างแล้ว: ความยากจน, การโดนเลือกปฏิบัติ, การโดนข่มเหง, โดนคนอื่นเคลือบแคลงใจ, โดนโบ้ยให้เป็นแพะ จากการไม่ได้อยู่ในขุมกำลัง สู่การก้าวไปคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีกภายในไม่กี่เดือน? คุณจะเขียนเรื่องราวแบบนี้ยังไงนะ? การมาจากจุดที่ผมเติบโตขึ้นมา ยิ่งทำให้มันมีความหมายมากขึ้นกับผมไปอีก แต่ลองมองดูรอบห้องแต่งตัวสิ มีนักเตะหลายคนที่มีพื้นเพคล้าย ๆ กับผม มีนักเตะหลายคนที่จำความรู้สึกของตอนเข้านอนโดยท้องหิวได้ แต่กระนั้นเราทุกคนก็ได้กลายเป็นสิงห์บลูส์ เราทุกคนกลายเป็นแชมเปี้ยนส์

ผมอำลาสโมสรแห่งนี้อย่างลำบากใจ มันมีความหมายกับผมทุกอย่าง แม้กระทั่งในฤดูกาลนี้กับความซับซ้อนต่าง ๆ แต่ก็ยังเป็นปีที่สนุก ฟุตบอลก็คือฟุตบอล พวกเราโชคดีที่ได้เตะบอลหาเลี้ยงชีพ เพราะยังไงเราก็จะเล่นบอลแบบฟรี ๆ อยู่แล้ว จริง ๆ ตอนที่มีข่าวลือเรื่องข้อจำกัดทางการเงินเกิดขึ้น เราทุกคนนั่งหัวเราะเรื่องที่ต้องนั่งรถบัส หรือนั่งเครื่องบินลำเล็ก หรืออะไรก็ตามเพื่อไปแข่งขันนะ แค่เครื่องบินลำเล็กอ่ะนะ?

โอ้ ม่ายยย!!! ฉันจะทำยังไงดี?

ไม่เอาน่า คุณรู้ไหมผมโตมาจากไหน? เครื่องบินลำเล็กก็ยังคงเป็นสิทธิพิเศษ เอาจริง ๆ นั่งรถบัสไปแมนเชสเตอร์ดูน่าสนุกเหมือนกัน ผมกับเพื่อน ๆ จะทำให้มันเป็นทริปที่สนุกได้แน่นอน

โชคไม่ดีที่การเจรจาสัญญาของผม เริ่มเจอกับความยากลำบากตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว ธุรกิจก็คือธุรกิจ แต่เมื่อคุณไม่ได้ยินข่าวใด ๆ จากสโมสรตั้งแต่เดือนสิงหาคมจนถึงมกราคม สถานการณ์มันก็ยิ่งซับซ้อนขึ้น หลังจากข้อเสนอแรก มันมีช่องว่างที่นานเกินไปซึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย คุณรู้ใช่ไหมว่าเราไม่ใช่หุ่นยนต์? คุณไม่สามารถเฝ้ารอหลายเดือนโดยมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตของคุณ แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดการคว่ำบาตร แต่สุดท้ายสโมสรใหญ่สโมสรอื่นให้ความสนใจ และผมก็ต้องตัดสินใจ ผมขอพูดแค่นี้ละกัน เพราะถ้าไม่มองเรื่องธุรกิจ ผมก็ไม่มีอะไรแย่ ๆ จะพูดเกี่ยวกับสโมสรแห่งนี้

เชลซีจะอยู่ในใจของผมไปเสมอ ลอนดอนคือบ้านของผม ผมมาที่นี่คนเดียว และตอนนี้ผมมีภรรยากับลูกน้อยสองคน ผมมีเพื่อนรักตลอดชีวิตชื่อว่า โควา ผมมีเหรียญเอฟเอ คัพ, ยูโรป้า ลีก และแชมเปี้ยนส์ ลีก และแน่นอนว่าผมมีความทรงจำอีกเป็นร้อยที่จะอยู่กับผมไปตลอดชีวิต

แต่จริง ๆ แล้ว ผมอยากจะลาพวกคุณด้วยความทรงจำสุดท้ายซึ่งเป็นความรู้สึกสุขปนทุกข์ บางครั้ง สิ่งที่มีผลกระทบกับคุณมากที่สุดมันก็ไม่ใช่เรื่องดีหรือเรื่องร้ายทั้งหมด สำหรับผม ความทรงจำนี้นี่ละคือเชลซี

มันเกิดขึ้นในปี 2019 หลังจากที่ซิตี้ถล่มพวกเรา 6-0 ที่เอติฮัด เอาจริง ๆ พวกเขาไล่ฆ่าพวกเรา มันเป็นเกมที่น่าขายหน้ามาก หลังสิ้นเสียงนกหวีด ผมเดินไปหาแฟนบอลเชลซีที่ตามมาเชียร์เพื่อยกมือขอโทษ ตอนที่ผมเดินเข้าไป ผมคิดว่าพวกเขาจะโห่ใส่ แต่พวกเขายืนอยู่ตรงนั้นและปรบมือให้ ในทุก ๆ ช่วงเวลาที่เลวร้าย พวกเขาคอยหนุนหลังพวกเราเสมอ

ผมนี่ช็อค

ผมยกมืออารมณ์แบบ ขอโทษครับ ขอโทษครับ ขอโทษครับ

พอผมเดินเข้าไปใกล้ ๆ มีแฟนบอลคนหนึ่งในนั้นตะโกนด่าผม เขาอยู่ห่างไปประมาณ 5 เมตร มองเข้ามาในตาของผม ฟังนะ ผมได้ยินคำด่าทอมาตลอดชีวิต แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไป มันเป็นเรื่องที่ส่วนตัวมาก ๆ ผมตะโกนสวนไป “เฮ้ ถ้านายอยากคุย นายก็ลงมาคุยกับฉันสิ”

แน่นอนว่าเขาไม่ได้ก้าวสักก้าวด้วยซ้ำ เขาหยุดตะโกนทันที สิ่งที่สุดยอดสำหรับผมคือแฟนบอลทุกคนรอบตัวเขา หันไปหาเขาแล้วพูดว่า “เฮ้ ทำอะไรของนาย? เขาเดินมาขอโทษนะ นายเป็นอะไรของนายวะ?”

แฟนบอล – แฟนบอลตัวจริง – เริ่มส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจผมดังขึ้นไปอีก

“รูดี้! รูดี้! รูดี้!”

เรื่องนี้มันทรงพลังมาก เราเพิ่งแพ้ไป 6-0 แต่ทุกคนในนั้นยังยืนหยัดสู้กับความเกลียดชังของไอ้งั่งคนนี้

“สู้เขา รูดี้! สู้เขาเว้ยเพื่อน!!!”

มันเป็นเรื่องที่ตื้นตันมาก ๆ จนกระทั่งไอ้งั่งคนนั้นเริ่มปรบมือให้ด้วย แฟนบอลรอบตัวเขาทำให้เขาต้องปรบมือและขอโทษผม ผมจะไม่มีวันลืมเรื่องนี้เลย ไม่มีวันครับ

แน่นอนว่าโลกฟุตบอลมันมีความเกลียดชัง นี่คือความจริง ผมเคยผ่านประสบการณ์ที่เลวร้ายสุด ๆ มาแล้ว แต่มันก็มีเรื่องที่น่าอภิรมย์เยอะเหมือนกัน กับเชลซี ผมได้เจอกับเรื่องทั้ง 2 อย่างแบบสุดขั้ว

ใช่ ผมได้ยินคำด่าทอ

แต่ผมก็รู้สึกถึงความรักเช่นกัน

สุดท้ายแล้ว แสงสว่างมันแข็งแกร่งกว่าความมืดมิด

ด้วยเหตุผลนี้ ผมจะเป็นเชลซีไปเสมอ

ขอบคุณ,

รูดี้

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ