ศึกลูกหนังเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ สหรัฐอเมริกา เป็นอีกหนึ่งลีกของโลกที่มีชื่อเสียงโด่งดัง โดยเฉพาะเรื่องของแฟนบอลที่เข้าชมเกมในสนามแต่ละนัดมียอดผู้ชมเกือบเต็มความจุทุกสนาม แฟนฟุตบอลไทยเตรียมลุ้นรับข่าวดี เมื่อสโมสรชั้นนำของลีกอย่าง แอตแลนตา ยูไนเต็ด เตรียมคว้าตัว “อาลีฟ” ด.ช.สิรวิชญ์ กฤตินีธนวินท์ เด็กไทย วัย 11 ปี ที่เดินทางไปจากเมืองไทยทดสอบความสามารถ จนเป็นที่พอใจของสโมสร เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายในเรื่องของโปรแกรมช่วงเดือน พ.ย.62 หรือ เม.ย.63 เท่านั้นก็จะรับโอกาสเซ็นสัญญาเข้าร่วมทีมเยาวชนของสโมสรอย่างเป็นทางการทันที
ก่อนหน้านี้ “อาลีฟ” เคยผ่านการทดสอบความสามารถกับสโมสรยักษ์ใหญ่ของเมืองไทยและโครงการสโมสรต่างแดนในไทยหลายครั้งแต่ก็ปฏิเสธไป เพราะว่า ไอศูรย์ กฤตินีธนวินท์ ผู้เป็นพ่อมองว่าลูกชายยังไม่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตกินนอนในสโมสร ส่วนเรื่องการผ่านการคัดเลือกโครงการอื่นๆก็เพื่อต้องการให้ลูกชายลงทดสอบความสามารถที่ฝึกฝนมา
สำหรับเส้นทางการตะลุยฝันตะบันไกลไปจนถึงอเมริกาของเด็กวัย 11 ปี อย่าง อาลีฟ นั้น คุณพ่อเล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นมีโครงการ ยูเอส สปอร์ต ซอคเกอร์ แคมป์ มาเปิดคัดเลือกนักกีฬาในไทยเพื่อไปทดสอบความสามารถที่ประเทศสหรัฐฯ ก็ได้ตัดสินใจลงสมัครทดสอบความสามารถดู แต่ครั้งนั้นการคัดเลือกต้องการเด็กวัย 14-16 ปี “อาลีฟ” อายุยังไม่ถึงแต่ก็พยายามไปขอร่วมสมัครเพื่อเรียนรู้ พร้อมกับชวนเด็กๆวัยใกล้เคียงกันไปทดสอบดูด้วยการเสียค่าสมัคร
ตอนนั้นโค้ชใหญ่ที่คัดเลือกเด็กก็จะเน้นในกลุ่ม 14-16 ปี คือกลุ่มเป้าหมาย และมีโค้ชผู้ช่วยอีกคนที่มาคอยดูความสามารถกลุ่มเด็กที่ไม่ถึงเกณฑ์ กลับพอใจในสิ่งที่ “อาลีฟ” แสดงออกในแง่ของฟุตบอลแม้ว่าอายุยังน้อยไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด สุดท้ายจึงตามโค้ชใหญ่มาดูจนถูกคัดเลือกไปในโครงการ ยูเอส คอเลจ สปอร์ต แคมป์ โดยคุณพ่อของอาลีฟยอมรับว่าเป็นเรื่องที่โชคดีถ้าตอนนั้นไม่กล้าที่จะมาทดสอบก็ไม่รู้ว่าความฝันฟุตบอลอาชีพต่างแดนของลูกชายจะเป็นอย่างไรต่อ?
ไอศูรย์ กฤตินีธนวินท์ คุณพ่อ “น้องอาลีฟ” เล่าย้อนให้ฟังถึงความหลังว่า “ก่อนมาทดสอบรวมไปถึงการวางแผนให้ลูกชายเล่นฟุตบอลต้องขอย้อนเล่าเรื่องไปถึงอดีต ลูกชายผมคนนี้เริ่มเล่นฟุตบอลตอน 3 ขวบ 5 เดือน เขาไม่ค่อยแข็งแรง เราต้องการให้ลูกชายเราแข็งแรงในเรื่องของสุขภาพ แต่สิ่งที่เขาทำให้ผมเห็นไม่ใช่ความเก่งกาจแต่คือวินัยของการเป็นนักกีฬาที่ดี จุดเล็กๆที่ “อาลีฟ”แสดงออกคือการวิ่งรอบสนามก่อนฝึกซ้อมฟุตบอลเขาไม่เคยล้ำเส้นรอบสนามเข้าไปพูดง่ายๆคือไม่โกงพื้นที่เขามุ่งมั่นที่จะแสดงตัวตนความเป็นนักกีฬาตั้งแต่นั้นมาก็พยายามสร้างอนาคตฟุตบอลให้เขาทั้งการฝึกซ้อมและเรียนรู้”
