ผมเชื่ออยู่ลึกๆว่า ลิเวอร์พูล อาจใช้โควต้า “ปาฏิหาริย์” ของฤดูกาลนี้หมดไปแล้วเพราะใครได้ดูเกมนี้บอกได้แค่ว่าการไม่แพ้คา แอนฟิลด์ ถือว่าบุญรักษาอย่างที่สุด
ใครเป็นแฟน “หงส์แดง” ณ เวลานี้ต้องก้มหน้ายอมรับว่าตั้งแต่เปิดสนามมา 4-5 นัดตรงกลางสนามสู้ใครเขาแทบไม่ได้เลย
ในแง่ของเกมรับ มิดฟิลด์ถูกทะลวงง่าย ส่วนเกมรุกเมื่อ 2 นักเตะตัวรับลงพร้อมกัน (เพราะไม่มีตัวเลือกอื่น) ทำให้เหลือนักเตะอายุแค่ 19 ปีต้องคอยแบกความหวังไปเต็มๆ
หากเราต้องพูดว่า ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ เป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในทีมในค่ำคืนนี้ไม่ใช่เฉพาะมิดฟิลด์เป็นเครื่องบ่งชี้ว่ารุ่นพี่คนอื่นๆอาการหนักแค่ไหน
นี่คือเกมที่ “เจ้าจุก” มีทั้ง composure คือนิ่งยามได้บอลและทรงบอลผู้ใหญ่ (mature) ไม่มีตื่นตระหนกตกใจยามถูกเพรสและคุณสมบัติสำคัญของนักเตะในตำแหน่งนี้คือต้องไม่เสียบอลพร่ำเพรื่อ
ซึ่งอดีตแข้ง ฟูแล่ม มีครบทุกอย่างและผลักดันตัวเองเป็นที่พึ่งของทีมได้ในช่วงเวลาที่นักเตะซีเนียร์เริ่มโรยรา
แต่ เอลเลียตต์ รับภาระเท่าที่เด็กคนนึงจะทำได้แต่โดยรวมกลางก็ยังไม่สามารถบัญชาเกมหรือสร้างสรรค์อะไรได้เลยทำให้ท้ายที่สุด “หงส์แดง” ต้องเรียกไฟล์เก่าคือขึ้นทางริมเส้น
ด้านข้างก็อีหรอบเดิม โม ซาลาห์ ถูก มาลาเซีย ตามเกาะในเกมแดงเดือดยังไงวันนี้ แมทท์ ทาร์เก็ตต์ ก็เดินตามรอยเป๊ะๆ (บางจังหวะโดนคุม 2) เมื่อตัวทำสกอร์อันดับ 1 เงียบ ฝั่งของ หลุยส์ ดิอาซ ก็ถูกดักจังหวะ cut back เข้าในแทบตลอดเช่นกัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นเราจะวิเคราะห์ถึง ลิเวอร์พูล ได้ร้อยแปดพันเก้าประเด็นแต่ที่ต้องยอมรับด้วยว่า นิวคาสเซิ่ล อัพเลเวลมาไกลกว่าฤดูกาลที่แล้วสุดกู่
ขนาดวันนี้ไม่มี อแล็ง แซงแม็กซิแมง ยังทำให้เจ้าถิ่นมีปัญหาขนาดนี้ นึกภาพไม่ออกจริงๆว่าจังหวะสวนกลับจะเผาฝั่ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ขนาดไหน
ถือว่า TAA ที่โดนเพ่งเล็งอยู่แล้วรอดตัวหวุดหวิดเพราะแกเป็นจุดเริ่มต้นทำให้ อเล็กซานเดอร์ อิซาค ยิงประตูในเกมเดบิ๊วต์และ “หงส์” ต้องเจอกับงานโหดขึ้น 2 เท่า
ดูก็รู้ว่า เอ็ดดี้ ฮาว บิ๊กบอส นิวคาสเซิ่ล น่าจะศึกษาเกมแดงเดือดมาค่อนข้างละเอียดเพราะรูปแบบการเล่นแลดูคลับคล้ายคลับคาเอามากๆ
ไม่ต้องไปคุมโซนอุดเหมือนในอดีต ใช้วิธีเพรสแดนบนและปล่อยให้ “หงส์” โยนเดี๋ยวกลางก็เก็บบอลได้ มาแนวเดียวกันไม่หนีจากนี้
ผมแปลกใจที่ “สาลิกา” ทรงบอลสู้ได้ไม่เป็นรอง จ้องสวนดีๆชนะได้เลยด้วยซ้ำแต่กลับเลือกถ่วงเวลาผลัดกันลงไปนอนทั้งๆที่ยังไม่ท้ายเกมเลย
พอถึงช่วงทดเจ็บนอนกันรัวๆ เราเลยได้เห็น “อินเซปชั่น” ทดเจ็บในทดเจ็บจากเดิมทด 5 กลายเป็น 8 นาทีส่งผลทำให้เกิดประตูชัยดราม่า
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมตอนผู้เล่น “สาลิกา” เดินเข้าห้องแต่งตัวถึงถูก เดอะ ค็อป พร้อมใจกันโห่ไล่ทั้งๆที่ปกติเกมจบแล้วไม่ค่อยมีใครคาใจอะไรเท่าไหร่
ครับพวกเราทุกคนรู้สึกได้ชัดเจนว่าซีซั่นนี้ แมนฯซิตี้ หนีไปไกลมากแล้ว (จากที่ไกลอยู่แล้วเข้าไปอีก) และผมมองว่า อาร์เซนอล ของ มิเกล อาร์เตต้า กำลังแซงไปอีกทีม
“ปืนใหญ่” ชนะ 5 นัดรวดโดยล่าสุดเบียด แอสตัน วิลล่า หวุดหวิด 2-1 แต่หากใครเป็นสักขีพยานที่ เอมิเรสต์ สเตเดียม จะเห็นได้ว่ารูปแบบการเล่นคือร่างทรงของ เป๊ป ชัดๆ
ดาหน้าบุกไม่ให้คู่แข่งหายใจหายคอ แย่งบอลทั้งกลางสนามและพื้นที่สุดท้ายแบบบ้าคลั่ง ไม่ได้ไม่เลิก
นักเตะ “จ่าฝูง” ขึ้นเกมแบบ “ทรงแน่นปั๊ก” แทบไม่มีเสียบอลระหว่างทางซึ่งผมมองว่ามันเป็นเครื่องบ่งชี้ระหว่างทีมทั่วไปกับทีมระดับ top
ตรงนี้เองที่ทำให้ผมมองว่า อาร์เซนอล ยกระดับตัวเองขึ้นมาแล้ว นักเตะแต่ละคนเหมือนพวก “หิวแสง” มี energy มี passion ตอบสนองรูปแบบการเล่นของ อาร์เตต้า ได้ทุกรายละเอียด
กลับมาที่ “หงส์แดง” ถ้าไม่นับ ดิอาซ และการปักหลักตัวจริงของ เอลเลียตต์ นักเตะก็ชุดเดิมๆเพิ่มเติมคือขึ้นเลข 3 กันเพียบ
ถ้าใช้ตรรกะนี้กับไอโฟนซักเครื่องนั่นหมายถึง ลิเวอร์พูล โหลดแอพใหม่ๆมาลงเครื่องอืดทันที ios รุ่นใหม่ก็ไม่รองรับแล้ว
แต่คู่แข่งอัพ patch ใหม่รัวๆแบบก้าวกระโดดไม่ใช่แค่ นิวคาสเซิ่ล แต่พวก ไบรท์ตัน, เบรนท์ฟอร์ด, วูลฟ์ หรือน้องใหม่อย่าง ฟูแล่ม ทรงบอลไม่เป็นรองใครเลยด้วยซ้ำ
ข่าวร้ายที่ทำให้ตลาดซื้อขายในวันเดดไลน์มีแนวโน้มเซอร์ไพรซ์เมื่อ เยอร์เก้น คล็อปป์ ยืนยันว่า จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เจ็บแฮมสตริงซึ่งแน่นอนเดือนนึงต้องมี
ถ้ายังกล้าไม่เสริมทัพและ “ซื้อใจ” ลูกทีมด้วยการเชื่อมั่นในตัวที่มีอยู่ เราคงได้เห็นความทุลักทุเลทั้งเกมรับและรุกกันต่อไปอีกยาวๆ
สถิติ สถิติ สถิติ
หนึ่งวันหลังฉลองวันเกิดครบ 20 ปี เจ้าหนู ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของ ลิเวอร์พูล ที่ยิงประตูชัยในนาที 90 ในพรีเมียร์ลีกและนับเป็นประตูท้ายเกมที่นานที่สุดนับตั้งแต่ เดิร์ก เคาท์ ยิง อาร์เซนอล ในนาที 102 เมื่อปี 2011
แมนฯซิตี้ ยิง 5+ ใน พรีเมียร์ลีกเป็นเกมที่ 32 ภายใต้การทำทีมของ เป๊ป กวาดิโอล่า ซึ่งคิดเป็น 14% (32 เกมจาก 233) เป็นตัวเลขที่มากกว่าคู่แข่งทีมอื่นๆถึง 2 เท่านับตั้งแต่ เป๊ป เข้ามาคุม (ลิเวอร์พูล ทำได้ 15 ครั้ง)
เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ยิง 9 ประตูใน 5 เกมแรก ทำให้ทำลายสถิติของรุ่นพี่อย่างรวดเร็วทั้ง มิค ควินน์ และ แซร์จิโอ อเกวโร่ (8 เท่ากัน)
กาเบรียล เชซุส มีส่วนร่วมกับ 6 ประตูใน 5 เกมแรกที่ลงสนามให้ อาร์เซนอล กลายเป็นสถิติใหม่ของสโมสรแทนที่ เมซุต โอซิล ไปแล้ว (5 ประตู)